สรุปบทที่ 1
ความรู้ด้านธุรกิจ
ธุรกิจ คือ องค์การหนึ่งซึ่งเสนอขายสินค้าหรือบริการต่อลูกค้าเป้าหมาย โดยมีวัตถุเพื่อแสวงหากำไร ซึ่งสามารถจำแนกรูปแบบขององค์กรธุรกิจ ได้ดังนี้
รูปแบบที่ 1 เจ้าของคนเดียว คือองค์การขนาดเล็กที่มีบุคคลเพียงคนเดียวเป็นเจ้าของ การจัดตั้งธุรกิจทำได้ง่าย เจ้าของกิจการเป็นผู้ดำเนินงานเอง ละรับผิดชอบในหนี้สินของรานโดยไม่จำกัดจำนวนเงิน
รูปแบบที่ 2 ห้างหุ้นส่วน คือ กิจการที่มีบุคคลตั้งแต่ 2คนขึ้นไป เข้าร่วมลงทุนโดยมุ่งหวังกำไรซึ่งจำแนกได้เป็น 2 ประเภทคือ
1. ห้างหุ้นส่วนสามัญ คือผู้เป็นหุ้นส่วนจะร่วมกันรับผิดชอบหนี้สินของห้างหุ้นส่วนอย่างไม่จำกัดจำนวนเงิน โดยจะมีการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนหรือไม่ก็ได้
2. ห้างหุ้นส่วนจำกัด คือ ห้างหุ้นส่วนที่ประกอบด้วยผู้เป็นหุ้นส่วน 2 ประเภท คือ ประเภทที่รับผิดชอบในหนี้สินอย่างไม่จำกัดจำนวนเงิน และประเภทที่รับผิดชอบในหนี้สินโดยจำกัดแค่จำนวนเงินที่นำมาลงทุนเท่านั้น
รูปแบบที่ 3 บริษัทจำกัด คือ กิจการที่ตั้งขึ้นในรูปนิติบุคคลด้วยการแบ่งเงินลงทุนออกเป็นงวดๆโดยจำแนกออกเป็น 2 ประเภท คือ บริษัทเอกชนและบริษัทมหาชน
รูปแบบที่ 4 รัฐวิสาหกิจ หรือห้างหุ้นส่วนที่มีทุนจดทะเบียนของรัฐเกิน 50%
ประเภทของธุรกิจ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
ประเภทที่ 1 หน่วยบริการ ถือเป็นหน่วยธุรกิจที่นิยมอย่างสูง ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมทางธุรกิจที่เรียบง่ายไม่มีความซับซ้อนเท่าใดนักมีจุดมุ่งหมายที่จะบริการลูกค้าและคิดค่าธรรมเนียมเป็นการตอบแทน เช่น สำนักงานบัญชี ร้านเสริมสวย
ประเภทที่ 2 หน่วยค้าสินค้า หรือธุรกิจพาณิชยกรรม มีกิจกรรมทางธุรกิจที่ซับซ้อนมากกว่าหน่วยบริการ เป้าหมายคือการมุ่งเน้นที่จะซื้อสินค้าในราคาต่ำและขายในราคาสูงเพื่อนำส่วนต่างมาเป็นกำไรจากการขายและการดำเนินงาน เช่น ร้านขายคอมพิวเตอร์ ห้างสรรพสินค้า
ประเภทที่ 3 หน่วยผลิตสินค้า หรือธุรกิจอุตสาหกรรม มีความซับซ้อนของกิจกรรมทางธุรกิจสูงสุด เป้าหมายคือการมุ่งเน้นที่จะผลิตสินค้าให้ได้คุณภาพในราคาต้นทุนที่ต่ำและขายสินค้าในราคาสูงเพื่อนำส่วนต่างของราคาขายและต้นทุนการผลิตต่อหนึ่งหน่วยสินค้ามาเป็นผลกำไรจาการผลิตและการขาย เช่น ผู้ผลิตรถยนต์ โรงงานอัดกระป๋อง
การจัดตั้งและการดำเนินงานทางธุรกิจ
จุดเริ่มต้นของการดำเนินงานทางธุรกิจ เจ้าของกิจการทุกรูปแบบจะตองนำเงินมาลงทุนร่วมกันเพื่อจัดตั้งหน่วยธุรกิจขึ้น การดำเนินงานต่างๆจะต้องเป็นไปเพื่อหารายได้เข้าสู่องค์การขณะเดียวกันก็จะมีการสร้างมูลค่าทางธุรกิจให้กับลูกค้าและผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย โดยอาจเรียกการดำเนินการจัดตั้งธุรกิจว่า การเสี่ยงลงทุน
การจัดหาทรัพยากรมาใช้เพื่อการดำเนินงานทางธุรกิจ ลงในธุรกิจภายใต้ส่วนของเจ้าของ ส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน หรือส่วนของผู้ถือหุ้น แต่หากเงินลงทุนไม่เพียงพอก็อาจกูยืมจากแหล่งภายนอกกิจการ เช่น ธนาคาร เป้าหมายของการจัดหาทรัพยากร คือ เงินสด สินค้า วัสดุและอุปกรณ์สำนักงาน สถานที่ประกอบกิจการ รวมทั้งการว่าจ้างแรงงาน
กิจกรรมการดำเนินงาน คือ การดำเนินการด้านต่างๆ ที่จำเป็นของธุรกิจเพื่อความอยู่รอดขององค์การ โดยหมายรวมถึงสิ่งต่อไปนี้ คือ
กิจกรรมที่ 1 การจัดหาวัตถุดิบ หรือทรัพยากรอื่นๆ เพื่อใช้ในการผลิตสินค้าหรือบริการ
กิจกรรมที่ 2 การใช้ทรัพยากร เพื่อผลิตสินค้าหรือบริการนั้นๆ
กิจกรรมที่ 3 การขาย ตลอดจนการจำหน่ายสินค้าหรือบริการต่อลูกค้า
หน้าที่งานทางธุรกิจ
หน้าที่งานทางธุรกิจหรือฟังก์ชันทางธุรกิจมักถูกใช้เพื่อแบ่งเขตพื้นที่รับผิดชอบภายใต้ภาระงาน การกำหนดเขตพื้นที่ของแต่ละหน้าที่งานมักจะกำหนดตามไหลของทรัพยากรจากหน้าที่หนึ่งเข้าสู่อีกหน้าที่หนึ่ง
การจัดแบ่งงานทางธุรกิจจะแตกต่างกันไปตามประเภทของธุรกิจ ขนาดของธุรกิจ และสายผลิตภัณฑ์
การตั้งชื่อหน้าที่งานทางธุรกิจยังแตกต่างกันไป เช่นธุรกิจหนึ่งอาจเรียกทรัพยากรแรงงานว่า บุคลากร ในขณะที่อีกธุรกิจหนึ่งเรียกว่า ทรัพยากรมนุษย์
การจัดโครงสร้างองค์การ
การดำเนินการทางธุรกิจส่วนใหญ่ จะดำเนินตามโครงสร้างองค์การของธุรกิจที่สะท้อนให้เห็นถึงอำนาจ หน้าที่ และความรับผิดชอบของบุคลากรในองค์การ โดยมีการปฏิบัติตามกิจกรรมการดำเนินงานของแต่ละหน่วยงาน ที่มีส่วนช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การ
ความรู้ด้านสารสนเทศ
ข้อมูล คือคำพรรณนาถึงสิ่งของ เหตุการณ์ กิจกรรม และธุรกรรมซึ่งถูกบันทึก จำแนกและจัดเก็บไว้ภายในแหล่งเก็บข้อมูล แต่ยังไม่มีการจัดโครงสร้างเพื่อถ่ายโอนไปยังสถานที่เฉพาะเจาะจง อาจอยู่ในรูปแบบ ตัวอักษร ตัวเลข รูปภาพ หรือเสียงก็ได้
ธุรกรรมแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1ธุรกรรมที่เป็นตัวเงิน คือเหตุการณ์ทางเศรษฐศาสตร์ที่ส่งผลกระทบกับมูลค่าสินทรัพย์ ส่วนของเจ้าของธุรกิจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นตัวเลขทางการบัญชีที่สามารถวัดมูลค่าเป็นตัวเงินได้
ส่วนที่ 2 ธุรกรรมที่ไม่เป็นตัวเงิน คือเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบหรืออยู่ในความสนใจของธุรกิจ
สารสนเทศ คือ ข้อมูลที่ถูกจัดโครงสร้างให้อยู่ในรูปแบบที่มีความหมายและมีมูลค่าต่อผู้รับ โดยมีการนำข้อมูลผ่านกระบวนการประมวลผล และจัดให้อยู่ในรูปแบบที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน อีกทั้งสามารถนำไปใช้ประโยชน์สำหรับการตัดสินใจ
ความรู้ จะประกอบด้วย ข้อมูลและสารสนเทศ ซึ่งถูกจัดโครงสร้างและประมวลผล เพื่อถ่ายโอนความเข้าใจ ประสบการณ์และการเรียนรู้รวมทั้งความเชี่ยวชาญที่เก็บสะสมไว้ภายในฐานความรู้
คุณลักษณะของสารสนเทศที่ดี
ประกอบด้วยคุณลักษณะ 6 ประการดังต่อไปนี้
1. ความตรงกับกรณี
2. ความทันต่อเวลา
3. ความถูกต้อง
4. ความครบถ้วนสมบูรณ์
5. การสรุปสาระสำคัญ
6. การตรวจสอบได้
มูลค่าของสารสนเทศ
สารสนเทศมีความสำคัญต่อการอยู่รอดของธุรกิจและก่อให้เกิดมูลค่าของสารสนเทศ การพิจารณามูลค่าของสารสนเทศ จะขึ้นกับความพอใจของผู้ใช้ประโยชน์ที่ได้รับเป็นสำคัญ
ข้อจำกัดของการใช้สารสนเทศ
จำแนกข้อจำกัดของการนำสารสนเทศไปใช้อย่างระมัดระวังได้ 2 ประการ
ประการที่ 1 การเกิดภาวะของสารสนเทศที่มากเกินความจำเป็น ผู้บริหารจะต้องระมัดระวังในเรื่องของปริมาณของสารสนเทศที่จัดส่งให้มีความเหมาะสมกับความต้องการ และระยะเวลาที่จำกัดของการใช้สารสนเทศนั้นๆ
ประการที่ 2 ธุรกิจส่วนใหญ่ที่มีการจัดทำรายงานเพื่อวัดผลการดำเนินงานนำเสนอต่อผู้บริหารขององค์การเพื่อกระตุ้นพนักงานให้มีพฤติกรรมที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลักขององค์กร แต่หากรายงานที่ใช้นั้นมีมาตรการวัดผลการดำเนินงานที่ไม่เหมาะสมก็จะส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามกับความต้องการได้
เทคโนโลยีสารสนเทศ
หมายถึง ชุดของระบบคอมพิวเตอร์ที่นำมาใช้ภายในองค์การ ที่ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ฐานข้อมูล เครือข่ายและโทรคมนาคม รวมทั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ
บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศทางธุรกิจ
สรุปความเปลี่ยนแปลงได้เป็น 3 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 องค์การมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับจัดการงานประจำวันที่เกิดขึ้นซ้ำๆกันในทุกวันทำการ
ระยะที่ 2 องค์การมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในฐานะของเทคโนโลยีที่มีกรรมสิทธิ์เพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งขัน โดยมีการลงทุนในส่วนของเทคโนโลยีสารสนเทศจำนวนมากเพื่อพยายามรักษาความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีไว้
ระยะที่ 3 องค์การมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในฐานะของเทคโนโลยีที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานมีการใช้งานร่วมกันระหว่างองค์การบนพื้นฐานของระบบเครือข่าย อีกทั้งเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ยังอยู่ในฐานะสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพการใช้งานสูง ราคาถูกและสามารถหาซื้อได้ง่าย และมีความจำเป็นต่อการใช้งาน
ผลประโยชน์ที่องค์การควรได้รับจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้ดังนี้
1. เป็นการสร้างองค์การแห่งการเรียนรู้
2. เป็นการสร้างความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน
3. เป็นการสร้างและธำรงรักษาความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
4. เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับองค์การทั้งในทางตรงและทางอ้อม
5. เป็นการลดค่าใช้จ่ายด้นแรงงานและลดการใช้ทรัพยากรที่ซ้ำซ้อนลง
6. เป็นการเพิ่มคุณภาพของสินค้าหรือบริการเพื่อให้ได้มาตรฐานที่กำหนดไว้
7. เป็นการสร้างความแตกต่างระหว่างองค์การ
การใช้สารสนเทศในองค์กรธุรกิจ
1. กระบวนการทางธุรกิจ คอวิธีการทำงานที่มีลักษณะเฉพาะของการจัดระบบงานและการประสานงานทางธุรกิจโดยมุ่งเน้นการผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสำหรับการส่งมอบให้ลูกค้า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การทำคำสั่งซื้อของลูกค้าให้บรรลุผล ตลอดจนการว่าจ้างแรงงาน ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางธุรกิจ กระบวนการทางธุรกิจคือการรวมตัวของ 3 ส่วนประกอบคือ กระบวนการปฏิบัติการ กระบวนการจัดการ กระบวนการสารสนเทศ
2. แนวทางการใช้สารสนเทศทางธุรกิจ จำแนกระดับของการใช้ข้อมูลและสารสนเทศได้ 2 ระดับ คือ ระดับปฏิบัติการ และระดับบริหาร
3. สายงานด้านสารสนเทศ สามารถจำแนกสายงานด้านสารสเทศได้ดังนี้
- สายงานด้านสารสนเทศในแนวดิ่ง จำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ การรายงานผลการปฏิบัติงาน การงบประมาณและการสั่งการ
- สายงานด้านสารสนเทศในแนวนอน จำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ การกระจายสารสนเทศภายในองค์การ การกระจายสารสนเทศไปยังองค์การภายนอก ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงกับองค์การภายนอก 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 คือหุ้นส่วนธุรกิจ กลุ่มที่ 2 ผู้มีส่วนได้เสีย
สารสนเทศทางธุรกิจยุคโลกาภิวัตน์
โลกาภิวัตน์ หมายถึง การแพร่กระจายไปทั่วโลก
อินเตอร์เน็ต หมายถึง การเชื่อมต่อของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายของสารสนเทศ
อีคอมเมิร์ซ มีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจสากล ซึ่งมีอยู่ 5 ข้อ คือ
1. ระบบเศรษฐกิจ ระบบเศรษฐกิจภายใต้การดำเนินธุรกิจ มักจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เศรษฐกิจยุคดิจิทัล เศรษฐกิจยุคดิจิทัล หมายถึงเศรษฐกิจหนึ่งซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น อินเตอร์เน็ต อินทราเน็ต ในบางครั้งนิยมเรียกเศรษฐกิจยุคดิจิทัลว่า เศรษฐกิจยุคใหม่ เศรษฐกิจยุคอินเตอร์เน็ต หรือเศรษบกิจยุคเว็บโดยมีการนำเสนอสารสนเทศบนแพลตฟอร์มทั่วโลก
2. การจัดองค์การ การดำเนินธุรกิจในยุคโลกาภิวัตน์ จะปรากฏการจัดองค์การรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า องค์การดิจิทัล องค์การดิจิทัล คือ องค์การที่มีการทำงานในหลายมิติ โดยอาศัยความสามารถด้านดิจิทัลและสื่อดิจิทัล จัดการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางธุรกิจ โดยพาะในส่วนที่ติดต่อกับลูกค้า ผู้จัดหารวมทั้งลูกจ้างขององค์การ
3. แบบจำลองของธุรกิจ คือ วิธีการดำเนินธุรกิจ ที่ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างรายได้เพื่อค้ำจ้นองค์การให้อยู่รอด ซึ่งจะอธิบายถึงวิธีการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าเต็มใจจ่าย
4. เครือข่ายคอมพิวเตอร์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งก็คือ โครงสร้างพื้นฐานของอีคอมเมิร์ซ และอยู่ในรูปแบบของคอมพิวเตอร์แบบกระจายโดยมีการเชื่อมต่อของระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์หลายเครื่องกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น เช่น เครือข่ายโทรคมนาคม
5. โอกาสของผู้ประกอบการ
ได้กำหนดวิธีโต้ตอบหลักขององค์การไว้ 7 วิธี คือ การจัดการเชิงกลยุทธ์ จุดศูนย์รวมลูกค้า การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง การปรับกระบวนการทางธุรกิจ นวัตกรรมด้านการผลิตตามคำสั่ง และการผลิตสั่งทำแบบปริมาณมาก ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ และพันธมิตรทางธุรกิจ โดยวิธีการโต้ตอบทั้ง 7 วิธีนี้ มักเป็นวิธีการโต้ตอบที่มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
อ้างอิง รุจิจันทร์ พิริยะสงวนพงศ์. สารสนเทศทางธุรกิจ. บริษัท วี พริ้น (1991) จำกัด.